ข้าวไรซ์เบอรี่ | Riceberry

ข้าวไรซ์เบอร์รี่ เป็นข้าวเจ้าสีม่วงดำมีลักษณะที่นุ่มเหนียว รสชาติหอมหวานนุ่มนวล คุณสมบัติเด่นทางโภชนาการ คือ มีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระสูง ได้แก่เบต้าแคโรทีน วิตามินอี โพลีฟีนอล แอนโทไซยานิน ป้องกันเส้นเลือดอุดตันสารสกัดจากรำข้าวพันธุ์นี้มีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเซลล์มะเร็งทดสอบซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง ป้องกันการเสื่อมของตับ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิต และลดคอเลสเตอรอลในเลือด เป็นข้าวที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำ อาจจะเป็นเพราะใยอาหารที่อยู่ในรำข้าวช่วยชลอการดูดซึมของน้ำตาล ทำให้น้ำตาลในเลือดขึ้นช้ากว่าการรับประทานข้าวกล้องจึงเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพนอกจากนี้ รำข้าวและน้ำมันรำข้าวไรซ์เบอร์รี่ ยังมีคุณสมบัติที่ดีเหมาะสมสำหรับใช้ทำผลิตภัณฑ์อาหารเชิงสุขภาพอีกด้วย โดยได้คิดค้นวิธีการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน โดยใช้ส่วนรำข้าวมาปั้นเป็นยาลูกกลอนด้วย ซึ่งขณะนี้ได้จดทะเบียนเป็นพันธุ์พืชใหม่เรียบร้อยแล้ว

ประวัติการปรับปรุงพันธุ์ข้าวไรซ์เบอร์รี่

ข้าวไรซ์เบอร์รี่ เป็นพันธุ์ข้าวที่ได้รับการปรับปรุงพันธุ์โดยการผสมเลียนแบบธรรมชาติแล้วคัดเลือก โดยใช้เทคโนโลยีชีวภาพ จนได้พันธุ์ข้าวที่มีความบริสุทธิ์ และมีคุณสมบัติเด่นต้านสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ดีและเข้มข้นที่สุด

ข้าวพันธุ์ไรซ์เบอร์รี่ ได้รับการคัดเลือกและพัฒนา โดยการผสมข้าวพันธุ์ระหว่างข้าวหอมนิล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (พันธุ์พ่อ) กับ ข้าวขาวดอกมะลิ 105 จากสถาบันวิจัยข้าว (พันธุ์แม่) โดยเริ่มผสมพันธุ์เมื่อปี 2545 ณ ศูนย์วิทยาศาสตร์ข้าว มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม เมื่อได้ลูกผสม F1 ปล่อยให้มีการผสมตัวเอง แล้วเก็บเมล็ด F2 มาปลูกต่อซึ่งมีจำนวนมากกว่า 10,000 ต้น ทำการคัดเลือกต้น F2 จากการสังเกตลักษณะทรงต้นที่ให้ผลผลิตดี การติดเมล็ดดี รูปร่างเมล็ดเรียวยาว ได้จำนวน 500 ต้น ในปีเดียวกัน จากนั้นประเมินคุณภาพเมล็ดโดยกระเทาะเมล็ดแล้วสังเกตสม่ำเสมอ สังเกตความใส-ขุ่นของเมล็ด การแตกหักจากการสีแล้วจึงคัดเลือก F3 family ได้ 300 ครอบครัวปลูก ครอบครัว F3 จำนวน 16 ต้น ต่อครอบครัวแบบปักดำ ทำการคัดเลือกครอบครัวที่มีต้นที่ให้ผลผลิตสูง ติดเมล็ดดี ขนาดเมล็ดใหญ่ ยาวเรียว, ไม่เป็นโรคไหม้คอรวง, เปลือกเมล็ดสะอาด, คัดเลือกสายพันธุ์ที่มีเมล็ดข้าวกล้องสีม่วงเข้ม+ดำ, น้ำหนักเมล็ดต่อครอบครัวดี แล้วทำการคัดเลือกภายในครอบครัวให้จำนวนประมาณ 2-5 ตันในปี 2546 และทำเช่นนี้อีกในรุ่น F4 และ F5 ในปี 2547 จากนั้นทำการเปรียบเทียบผลผลิตในรุ่น F6 และ F7 ในปี 2548 โดยเลือกครอบครัว F6 จำนวน 96 ครอบครัว ปลูกแบบปักดำจำนวน 25 ตัน / ครอบครัว ทำเป็น 3 ซ้ำ เพื่อเปรียบเทียบผลผลิต ลักษณะที่แสดงออกปริมาณธาตุเหล็กและปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระชนิดต่างๆ แล้วทำการคัดเลือกด้นดีเด่นภายในครอบครัวแล้ว bulk ให้ครอบครัว F7 เพื่อปลูกเปรียบเทียบผลผลิตเป็นครั้งที่ 2 และวิเคราะห์คุณค่าโภชนาการซ้ำอีกครั้งหนึ่ง ทำให้ค้นพบข้าวเจ้าสีม่วงเข้ม เมล็ดเรียวยาว ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ สูงและมีคุณค่าทางโภชนาการโดยรวมดีเด่น 1 สายพันธุ์ในปี พ.ศ. 2548 ด้วยลักษณะที่เป็นข้าวจ้าวที่มีสีม่วงเข้มจนดำ จึงเป็นที่มาของการให้ชื่อพันธุ์ว่า “ไรซ์เบอร์รี่” นั้นเอง

ลักษณะประจำพันธุ์

ความสูง 105-110 ซม.
อายุเก็บเกี่ยว 130 วัน
ผลผลิต 300-500 กก. / ไร่
% ข้าวกล้อง (Brown rice) 76%
% ต้นข้าวหรือข้าวเต็มเมล็ด (head rice) 50%
ปริมาณ Amylose 15.6 %
อุณหภูมิแป้งสุก < 70 ◦c
ความยาวของเมล็ด ข้าวเปลือก 11 ม.ม.
ความยาวของเมล็ด ข้าวกล้อง 7.5 ม.ม.
ความยาวของเมล็ด ข้าวขัด 7.0 ม.ม.

คุณสมบัติทางโภชนาการ

ธาตุเหล็ก 13-18 mg/kg
ธาตุสังกะสี 31.9 mg/kg
โอเมกา-3 25.51 mg/100 g
วิตามิน อี 678 ug/100 g
โฟเลต 48.1 ug/100 g
เบต้าแคโรทีน 63 ug/100 g
โพลีฟีนอล 113.5 mg/100 g
แทนนิน 89.33 mg/ 100 g
แกมมา-โอไรซานอล 462 ug/g
สารต้านอนุมูลอิสระ ชนิดละลายในน้ำ 47.5mg ascorbic acid quivalent/100g
สารต้านอนุมูลอิสระ ชนิดละลายในน้ำมัน 33.4mg trolox equivalent/100g

สรรพคุณและประโยชน์ดีๆของข้าวไรซ์เบอร์รี่

  1. ประโยชน์ของข้าวไรซ์เบอร์รี่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ข้าวไรซ์เบอร์รี่เป็นข้าวสายพันธุ์หนึ่งที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงมีคุณสมบัติในการช่วยบำรุงร่างกาย และเสริมสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว สามารถลดการอักเสบที่ผิวหนังได้ อีกทั้งช่วยลดริ้วรอยและชะลอความแก่ได้ ดังนั้นผู้ที่ไม่อยากแก่หรือต้องการที่จะบำรุงสุขภาพผิวควรเลือกรับประทานข้าวไรซ์เบอร์รี่
  2. ข้าวไรซ์เบอร์รี่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรง แน่นอนว่าโรคต่างๆ ในปัจจุบันนั้นมีมากมายหลายโรคเหลือเกิน ใครก็ไม่อยากที่จะป่วยเป็นโรคร้ายแรง ดังนั้นการรับประทานข้าวไรซ์เบอร์รี่อาจเป็นทางออกของปัญหานี้ได้เพราะการรับประทานข้าวไรซ์เบอร์รี่สามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายแรงต่างๆเช่น โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง และโรคสมองเสื่อมได้
  3. สรรพคุณข้าวไรซ์เบอร์รี่ช่วยบำรุงระบบไหลเวียนโลหิต นอกจากจะเป็นอาหารที่รับประทานเพื่อบำรุงสุขภาพแล้ว ในกลุ่มผู้สูงวัยที่มักมีปัญหาเกี่ยวกับระบบไหลเวียนโลหิต ส่งผลให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นด้วย
  4. ประโยชน์ของข้าวไรซ์เบอร์รี่ช่วยบำรุงสายตา การรับประทานข้าวไรซ์เบอร์รี่จะช่วยให้สายตาของเราเป็นปกติ ไม่พร่ามัว หรือเกิดอาการตาอ่อนล้าได้ง่ายๆ
  5. ข้าวไรซ์เบอร์รี่มีสรรพคุณช่วยบำรุงระบบประสาทต่างๆ ระบบประสาทถือว่าเป็นระบบที่มีความสำคัญมากที่สุดของร่างกาย เพราะถ้าหากระบบประสาททำงานผิดปกติ ก็อาจส่งผลต่อระบบอื่นๆ ในร่างกายให้ทำงานผิดปกติไปด้วยดังนั้นเราจึงควรรับประทานอาหารที่มีส่วนช่วยในการบำรุงระบบประสาทและสมองของเราให้มีความแข็งแรง และไม่ล้าง่าย การเลือกรับประทานข้าวไรซ์เบอร์รี่จึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยคุณได้
  6. ข้าวไรซ์เบอร์รี่มีสรรพคุณดีต่อสตรีมีครรภ์ สตรีมีครรภ์นับว่าเป็นบุคคลหนึ่งที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษเพราะนอกจากจะต้องดูแลร่างกายของเราเองแล้วนั้น เรายังต้องดูแลชีวิตน้อยๆ อีกหนึ่งชีวิตให้แข็งแรงไปพร้อมๆกันด้วย แต่สิ่งที่คนเป็นแม่ห่วงมากที่สุดคือสุขภาพของลูกน้อยในครรภ์เพราะหากสุขภาพในครรภไม่ดีอาจส่งผลมาถึงช่วงคลอดออกมาแล้วก็ได้ ดังนั้นคุณแม่คนไหนที่ยังมีความกังวลในส่วนนี้ก็หันมารับประทานข้าวไรซ์เบอร์รี่กันเพราะการรับประทานข้าวชนิดนี้จะช่วยให้เด็กในครรภ์มีสุขภาพที่แข็งแรง และยังช่วยป้องกันไม่ให้ลูกน้อยเป็นโรคปากแหว่งเพดานโหว่อีกด้วย สำหรับตัวคุณแม่เองนั้น ข้าวไรซ์เบอร์รี่ยังมีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกิดภาวะครรภ์เป็นพิษซึ่งมีความอันตรายมากต่อแม่และเด็ก และที่สำคัญข้าวไรซ์เบอร์รี่ยังมีธาตุเหล็กสูงเหมาะกับสตรีที่กำลังตั้งครรภ์เพราะต้องการแร่ธาตุชนิดนี้มากกว่าคนปกติ
  7. สรรพคุณข้าวไรซ์เบอร์รี่ช่วยลดน้ำหนักและน้ำตาล คุณประโยชน์ในข้อนี้ถือว่ามีผลดีต่อกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคอ้วนอย่างยิ่ง เพราะสามารถควบคุมน้ำหนักไม่ให้เพิ่มขึ้นในผู้ป่วยโรคอ้วนและสามารถควบคุมระดับน้ำตาลให้เป็นปกติในผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน นอกจากนี้สาวๆ ที่อยากจะดูแลรูปร่างก็ควรเลือกรับประทานข้าวชนิดนี้
  8. ข้าวไรซ์เบอร์รี่มีสรรพคุณรักษาโรคโลหิตจาง เนื่องจากเราทราบแล้วว่า ข้าวไรซ์เบอร์รี่มีธาตุเหล็ก ดังนั้นผู้ที่ป่วยเป็นโรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก หากรับประทานข้าวชนิดนี้เป็นประจำก็จะช่วยบำรุงโลหิตและบำรุงร่างกายให้แข็งแรงมากขึ้น
  9. ประโยชน์ของข้าวไรซ์เบอร์รี่ช่วยเรื่องระบบขับถ่าย ข้าวไรซ์เบอร์รี่จัดเป็นข้าวชนิดหนึ่งที่มีไฟเบอร์สูง ซึ่งนอกจากจะช่วยลดระดับไขมันและคอเลสเตอรอลแล้วนั้นยังช่วยทำให้ระบบขับถ่ายของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นท้องไม่ผูกอีกต่อไป

ข้าวไรซ์เบอร์รี่ แม้ว่าจะเป็นข้าวที่ถูกพัฒนาสายพันธุ์ขึ้นมาใหม่ แต่ประโยชน์ของข้าวไรซ์เบอร์รี่ต่อร่างกายไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าข้าวชนิดอื่นๆ ดั้งนั้นใครก็ตามที่สนใจดูแลรักษาสุขภาพ ก็ลองหันมาลิ้มชิมรสข้าวไรซ์เบอร์รี่สีม่วงเข้มกันดูบ้าง เผื่อว่าคุณอาจจะติดใจสรรพคุณดีๆ ของข้าวไรซ์เบอร์รี่ จนไม่อยากรับประทานข้าวชนิดอื่นๆก็เป็นได้

ที่มา:  ศูนย์วิทยาศาสตร์ข้าว, Sukkaphap-d.com (October 21,2016)